การคุกเข่าร้องขอชีวิตของซิสเตอร์แอนโรซ่าวัย 45 ปี ต่อหน้าทหารที่เข้าปราบจราจลผู้เข้าประท้วง ที่เริ่มจากการฉีดน้ำและบานปลายไปจนถึงการเริ่มกราดยิงใส่ผู้ประท้วง ภาพที่ถูกเปิดเผยไปทั่วโลกและมีการวิจารณ์เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการกระทำที่ไร้ความเมตตาของทหารพม่า
กองกำลังความมั่นคงของเมียนมาสลายการชุมนุมผู้ประท้วงที่เมืองทวาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 ราย และบาดเจ็บนับสิบราย และมีการเริ่มการสลายอีกจุดที่ย่างกุ้ง โดยมีการสลายก่อนการชุมนุม
รัฐบาลเมียนมายังคงใช้กำลังในการปราบผู้ชุมนุม โดยผู้ชุมนุมเพิ่มจำนวนมากขึ้นจากการเรียกร้องของผู้ชุมนุมบางกลุ่มทางออนไลน์ แต่กองทัพทหารพม่า ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชุมนุมได้รวมตัวกัน พวกเขาไล่ยิงด้วยกระสุนจริงและเริ่มทุบตี จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตตามการรายงาน
ผู้อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่งที่เป็นคนสำคัญสำหรับการเล่าเรื่องนี้ เหตุการณ์ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ในขณะที่ซิสเตอร์แอนโรซ่า กำลังเดินทางมาพบแพทย์เพื่อรักษาอาการป่วยของเธอ เธอได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลังของเธอ เมื่อเธอหันไปเธอมองเห็นทหารกำลังฉีดน้ำใส่ประชาชน และเริ่มเข้าทุบตี เธอพยายามส่งเสียงร้องอย่างสุดเสียงเพื่อให้ทหารหยุด
คำขอร้องของเธอดูเหมือนจะไม่เป็นผล ทหารยังคงเดินหน้าเข้าหากลุ่มผู้ประท้วงและทุบทีผู้ต่อต้านแรงขึ้น เธอบอกว่าในหัวของเธอมีภาพของผู้หญิงที่ถูกยิงเสียชีวิตที่เนปิดอร์ เธอไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก
และประโยคที่เธอบอกเพื่อเตือนสติทหารเหล่านั้น ว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นแค่เพียงผู้ประท้วงที่ไม่มีอาวุธ และเธอบอกกับพวกเขา เธอให้พวกเขาฆ่าเธอเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเห็นภาพผู้คนโดนฆ่า มีเสียงตอบเธอกลับมาว่า เขาจะไม่ฆ่าคนเหล่านี้
แต่สิ่งที่เธอเห็นมากกว่านั้น รถพยาบาลที่ถูกทำร้ายโดยเจ้าหน้าที่ และการทำร้ายแพทย์และพยาบาลด้วยปืน รวมไปถึงภาพเด็กนั่งร้องไห้ข้างศพไม่มีใครปกป้องพวกเขา พวกเขาต้องปกป้องตัวเอง
ไม่มีทีท่าว่าทุกอย่างจะมีการตกลงกันแบบสันติวิธี และยังมีการลุกลามบานปลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ประท้วงยังคงไม่ยอมแพ้ต่อการต่อสู้ของพวกเขา และรัฐบาลพม่าคงยังไม่มีทีท่าว่าจะประณีประนอมใด ๆ
Credit by :