วันที่ 25 มกราคม ที่กระทรวงกลาโหม หลังจากการประชุมสภากลาโหม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงข่าวในกรณี ผู้ชุมนุมเกี่ยวกับเรื่องวัคซีน covid-19
วาง Timeline ไปหมดแล้ว
นายกรัฐมนตรีบอกว่า ต้องเข้าใจว่าการใช้วัคซีน ต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน ต้องมีความระมัดระวังในผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้เราได้วาง Timeline ไว้หมดแล้ว ไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปโยงทางการเมือง ซึ่งทางรัฐบาล พร้อมทีมงานได้ทำอย่างเต็มที่ ตามหลักการของทางสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคระบาด รวมไปถึงองค์การอาหารและยา ต้องมีความชัดเจนขึ้น
อย่าโยงการเมือง
พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า “ไม่อยากให้เกี่ยวพันกับเรื่องการเมืองหรือเรื่องอื่น เพราะอันตราย เนื่องจากเราไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์วัคซีน เราเพียงแต่อยู่ในวงโซ่ของการผลิตของเขาและของบริษัท astrazeneca ภายนอก และการนำเข้ามาจำเป็นต้องมีโรงงานในการผลิต ซึ่งเป็นการรับจ้างการผลิตบริษัท astrazeneca ขออย่านำไปเกี่ยวข้องกับสถาบันอะไรทั้งสิ้น ให้ไปในเรื่องของการดำเนินธุรกิจเนื่องจากบริษัทนี้เป็นบริษัทที่อยู่ในพระปรมาภิไธยรัฐบาลจำเป็นต้องขอพระราชทานเพื่อเข้ามาอยู่ในการพิจารณาการผลิตวัคซีน”
ปฏิบัติตามขั้นตอน
นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า ส่วนในด้านของประมาณรัฐบาลได้ดำเนินการ เต็มขีดความสามารถ ทางนี้มีอยู่หลายโรงงานที่เสนอเข้ามา ในการผลิตวัคซีน เราได้ทำการตรวจสอบภายในทุกโรงงาน แล้วพบว่า โรงงานที่มีมาตรฐานที่ดีที่สุดก็คือ สยามไบโอไซน์ อยากให้เข้าใจในจุดตรงนี้ ส่วนเรื่องของการชุมนุมก็เป็นธรรมดา แต่อย่าให้กระทบกับผู้อื่น โอเคถ้าไม่เป็นอะไรกันเลยในตัวบทกฎหมายรัฐบาลก็ยอมรับได้
มาตรา 112
ต่อคำถามที่ว่า ต่อไปจะไม่มีการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ในทุกรายใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาได้กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน ต้องเข้าใจว่ากฎหมายมีหลายมาตรา ที่ผ่านมาในช่วงแรก ได้โอกาสไปพอสมควรแล้ว
โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ” ไม่ต้องการใช้ ม. 112 ปิดปากคนหรือทำร้ายใครทั้งสิ้นต้องไปดูว่าสิ่งที่เขาทำมา ทำซ้ำมากี่ครั้งแล้วไม่ว่าจะแดกหรือใครก็ตามก็ผ่านการให้โอกาสมาหลายครั้งแล้วแต่ในครั้งนี้หลายคนอาจจะมีอยู่หลายคดีที่ต่างกรรมต่างวาระซึ่งเช่นเดียวกับทุกคดีที่มีการดำเนินการตามกฎหมายหากคิดว่าตัวเองถูกกฎหมายขอโทษด้วยกระบวนการยุติธรรมและรัฐบาลไม่ต้องการที่จะเอาเรื่องนี้มาพันกับเรื่องของการเมือง ใดๆทั้งสิ้นตราบใดก็ตามที่มีการทำความผิดทุกคนก็ต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมายไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่อยากให้เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นสำคัญและส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ “
ไม่จำเป็นต้องขอโทษ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องนายธนาธรที่มีการเรียกร้องให้เปิดรายละเอียดของเอกสาร การจัดซื้อวัคซีน นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ในเรื่องนี้ ให้ไปว่ากันในสภา จะมีคนชี้แจงถึงรายละเอียดต่างๆไว้อยู่แล้ว เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากนายธนาธรเข้าใจผิดก็พร้อมขอโทษ พลเอกประยุทธ์ตอบทันทีว่า “ไม่ต้องผมคิดว่า ผมไม่ได้ผิดอะไร”
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงเหตุผล ที่ดำเนินคดีกับนายธนาธรใน มาตรา 112 ว่ามีเหตุผลอะไร พลเอกประยุทธ์ตอบว่า “การดำเนินคดีเข้ากับกฎหมายใด ก็แจ้งกฎหมายนั้น ซึ่งก็มีทั้งหมด ม.112 ม.116 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หากผิดตรงไหนก็ต้องโดนถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดีก็อย่าทำกฎหมายมีให้ทุกคนปฏิบัติตาม”