ถูกออกหมายเรียก นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาคดี น้องชมพู่ เผยถึงกรณีที่ตำรวจจะ ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา 2 ดคี คือ คดีไม้มะค่าแต้ ที่ครอบครังโดยผิดกฎหมาย และคดีทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าวช่องดัง โดย ลุงพล กล่าวต่ออีกว่า หากตำรวจนำหมายเรียกมาให้ตนก็พร้อมรับ และยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหนพร้อมเข้าสู่ขั้นตอนตามกฏหมาย ไม่มีความกังวลใจใดๆ ทั้งสิ้น

พิสูจน์ข้อสงสัย พร้อมกับกล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของคดี น้องชมพู่ นั้น ตนได้จ้าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด มาเป็นทนายส่วนตัว และ วันที่ 25 ม.ค. นี้ ทนายตั้ม จะเดินทางมาที่บ้านกกกอก และขึ้นภูเหล็กไฟ ที่เป็นจุดพบศพ น้องชมพู่ เพื่อ พิสูจน์ข้อสงสัยและนำข้อมูลไปประกอบในการต่อสู้คดี หากจนตกเป็นผู้ต้องหา สำหรับเส้นทางขึ้นภูเหล็กไป นั้น ลุงพล ยืนยันว่าจะใช้เป็นเส้นทางป่าสวนยางข้างบ้าน น้องชมพู่ เป็นเส้นทางหลัก และเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านรู้จักกันเป็นอย่างดี และมองว่าการขึ้นภูเหล็กไฟใช้ได้เพียงแค่เส้นทางนี้ แต่สภาพป่า ณ ปัจจุบัน รกมาก เพราะตั้งแต่การเสียชีวิตของ น้องชมพู่ ก็ไม่มีคนใช้เส้นทางนี้มานานแล้ว
ถ้ามีปัญหาพร้อมยกให้จังหวัด ในส่วนของการสร้างพญานาคนั้น ลุงพล กล่าวต่อว่า หากการสร้างในครั้งนี้มีปัญหาจริง ตนก็จะยกให้กับทางจังหวัดเป็นคนดูแลต่อไป เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ใน จ.มุกดาหาร และเพื่อเป็นสาธารณะประโยชน์ของประเทศไทยด้วย

สำหรับพื้นที่การสร้างพญานาคที่ตกเป็นข่าวอยู่นั้น ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านกกกอก หมู่ที่ 2 ลักษณะพื้นที่ก่อสร้างด้านหน้าติด ถนน กกกอก-เต่างอย จ.สกลนคร โดยพื้นที่ดังกล่าวมีความยาวหน้ากว้างประมาณ 80-90 เมคร ลึกเข้าไปชนลำห้วยประมาณ 40 เมตรเศษ ด้านข้างและด้านหลังติดลำห้วยบุง ส่วนอีกด้านนั้นติดกับบ้านของ ลุงพล โดยใช้ชื่อว่า วังเชตุพลญาณ พ่อองค์ปู่ยศสุวรรณนาคา
ถูกคุกคาม นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา และ นายอนามัย วงศ์ศรีชา แม่และพ่อของ น้องชมพู่ ได้นำเอกสารหลักฐาน รูปภาพ แชทเฟซบุ๊ก คอมเมนต์ ที่ถูกคุกคามกว่า 20 ชุด มามอบให้กับเตจ้าหน้าที่ หลังจากปลัดอำเภอดงหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่พบชาวบ้าน บ้าน กกกอก ตามคำเรียกร้อง กรณีได้รับผลกระทบจากเหล่ายูทูบเบอร์ที่เข้ามาปักหลักอาศัยในพื้นที่

ยอมรับทนมาไหว โดย นางสาวิตรี ได้กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยออกมาเรียกร้องการถูกคุกคามจากเหล่ายูทูบเบอร์ และเพจต่างๆ แต่วันนี้ที่ตนต้องออกมานั้น ยอมรับว่าทนไม่ไหว เพราะหลักฐานที่ตนนำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่นั้นเป็นข้อความและข้อมูลที่ยูทูบเบอร์เอาข้อมูลไปลงเป็นเท็จและด่าหยาบคายเสียหาย แม้ที่ผ่านมาตนไม่ได้ตอบโต้เพราะอยากทำมาหากินและใช้ชีวิตปกติ แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปปั่นป่วนว่าตนขายผ้าราคาแพง คุกคามในทุกเรื่อง และด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย แม้บางคนจะถูกดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งต่อหน้าตำรวจก็บอกว่าจะไม่ทำพฤติกรรมอย่างนั้นอีก แต่พอออกจากโรงพักก็กลับไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งตนไม่ได้เดือดร้อนแต่เพียงผู้เดียว ยังมีชาวบ้านคนอื่นๆ ก็ได้รับความเดือนร้อนจากเหล่ายูทูบเบอร์ด้วยเช่นกัน

ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ด้าน นายประหยัด คูณมี ปลัดอาวุโส อำเภอดงหลวง ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจดูสถานที่ดังกล่าว พบว่าบ้านที่จัดไว้เป็นคนเล็กๆ ที่ให้เหล่ายูทูบเบอร์เข้ามาพักอาศัยนั้น ยันต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย และอยากให้คุยกันว่าควรจะทำอย่างไรให้ถูกต้อง ซึ่งตนมาวันนี้ก็เพื่อที่จะมาตรวจเยี่ยมสถานที่จริง และจะได้รายงานต่อนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารต่อไปถึงข้อมูล พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมถึงการลงพื้นที่ในครั้งนี้ก็เพื่อมาสอบปากคำกลุ่มผู้ร้องเรียนและพี่น้องประชาชนทั่วไป และในวันจันทร์ที่ 25 ม.ค.นี้ จะเชิญเหล่ายูทูบเบอร์มาสอบถามข้อเท็จจริงต่อไป