ผู้บัญชาการตำรวจ เผยความคืบหน้าคดี น้องชมพู่ รอลุ้นกันต่อไป ยังไม่ออกหมายจับใครในสัปดาห์นี้ ฝากถึงคนร้าย ยังไงก็หนีไม่พ้นบาปบุญคุณโทษ
ผบ.ตร. พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กล่าวถึง ความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนคดี น้องชมพู่ ว่าภายในสัปดาห์นี้ ได้รับรายงานจากชุดสืบสวนสอบสวน เกี่ยวกับเรื่องการแปลผลเครื่องจับเท็จ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้น เอกสิทธิ์การสืบสวน ก็อยู่ที่ทีมสืบสวนสอบสวน อย่างเต็มที่ เพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ของทีมสืบสวน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้กล่าวอีกว่า ยังไม่มีการออกหมายจับใครในสัปดาห์นี้ ใครที่กำลังลุ้นอยู่ ให้ลุ้นกันต่อไป และย้ำว่า ได้ทำตามแผนงานที่ทางตำรวจได้ตั้งไว้ เกิน 100% ของแผนเดิมไปแล้ว และได้มีการ ฝากไปถึง ผู้ก่อเหตุว่า
” บาปบุญคุณโทษจะเชื่อหรือไม่ก็สุดแท้ แต่จะหนีเรื่องพวกนี้ไปไม่ได้ อาจจะหนีได้ชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าวันไหนคิดว่าไม่อยากหนี และเหนื่อยแล้ว ก็มานั่งจับเข่าคุยกันดีกว่าว่าเกิดเหตุอะไร “
ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวถึงประเด็นที่ ตำรวจเข้าระงับเหตุชายคลุ้มคลั่ง คดีลูกฆ่าแม่ ที่เป็นข่าวดัง ในช่วงนี้ ได้กล่าวว่า ประเด็นการเข้าระงับเหตุของตำรวจ โดยภาพรวม หลังจากได้รับแจ้งจากประชาชน ว่ามีอุปสรรค หรือปัญหาอะไรติดขัดในการเข้าระงับเหตุต่าง ๆ หรือไม่
ประเด็นป่วยทางจิต
ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูให้ลึกไปถึงว่าปัญหาเกิดจาก ระบบ หรือเป็นปัญหากับตัวบุคคล ยังกล่าวไปถึงตำรวจผู้น้อย อาจขาดความรู้ทางด้านกฎหมาย พรบ.ผู้ป่วยทางจิต มาตรา 24 ที่ว่าด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถนำตัวผู้ป่วย ไปส่งที่โรงพยาบาลได้
โดยหลังจากนี้ จะนำเรื่องที่เกิดขึ้น มาเป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้เกิด เหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก และหลังจากนี้จะมีการ ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพิ่มความรู้ เพิ่มทักษะ ในการเข้าระงับเหตุต่อไป หนูยอมรับว่า มีหลักการอยู่แล้ว ที่จะต้องเข้าระงับเหตุ ภายหลังจากการได้รับแจ้งเรื่อง จากทางประชาชน ภายใน 3 นาที แต่ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละสภาพของพื้นที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถทำได้ทัน
พร้อมกับยืนยันว่า กรณีการวิสามัญคนร้าย เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย โดยกระบวนการนี้ จะต้องมีความชัดเจน และต้องจบลงที่ชั้นศาล หากฝ่ายญาติของพวกตาย มีข้อติดใจสงสัย ในกรณีการวิสามัญ สามารถร้องขอให้มีการตรวจสอบได้
หลังจากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พร้อมด้วย พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมาทำการประชุม ในเรื่องที่มีชายคุ้มคลั่ง ไล่ทำร้ายแม่ตัวเอง จนเสียชีวิต และทำการเผาบ้านในซอยบางพรม 54 แขวงบางพรมเขตบางยี่ขัน เพื่อเข้ารับรายงานและติดตามผล ในประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด
ทั้งคดีน้องชมพู่ ที่หากมีพยานหลักฐาน มัดแน่นแล้ว ก็ทำการจับกุมคนร้ายได้เลย ไม่ต้องรอ ถ้ารอให้คนร้ายนึกถึงบาปบุญคุณโทษ เห็นที่จะไม่มีวัน เพราะว่าล่วงเลยเวลามานานแล้ว ทั้งคดีการวิสามัญคนร้าย รวมไปถึงกรณีญาติผู้เสียชีวิต ออกมาบอกว่า เคยแจ้งความไปหลายรอบแล้วเกี่ยวกับคนร้าย แต่เหมือนตำรวจก็จะล้อฟรีเกินไปหน่อย ยังไงก็เอาใจช่วยทาง ผบ.ตร ออกแนวทาง ปฏิบัติให้กับผู้น้อยอย่างชัดเจน และเพิ่มขีดความสามารถตามที่บอกให้ได้ นะจ๊ะ