ตระกูลพูนนาวัลลา เป็นเจ้าของคอกม้าและดำเนินธุรกิจเพาะพันธุ์ม้า ที่ใหญ่มากในมุมไบ ตระกูลนี้มั่งคั่งและร่ำรวย ใช้ชีวิตหรูหราตลอดเวลา ใช้แบรนด์เนม มีเครื่องบินส่วนตัว ขับรถหรูโรสรอยส์ ทำไมครอบครัวพูนนาวัลลา ถึงได้เป็นเจ้าของสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย เริ่มจากม้าของเขาในคอกที่หมดอายุขัยแล้วจะถูกขายต่อให้กับ Haffkine Institute เพื่อผลิตวัคซีนสำหรับม้า
วันนึงก็มีหมอแนะนำให้ ไซรัส พูนนาวัลลา (Cyrus Poonawalla) หนึ่งในลูกชายของตระกูล ให้ลองทำธุรกิจเกี่ยวกับยา หรือวัคซีนที่ช่วยชีวิตคนดูบ้าง ไซรัส พูนนาวัลลา จึงริเริ่มก่อตั้ง ‘สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ขึ้นมา เริ่มจากผลิตเซรุ่มสำหรับแก้พิษงู วัคซีนบาดทะยัก และวัคซีนป้องกันโปลิโอ เป็นต้น รู้หรือไม่ว่า 70% ของวัคซีนในโลกนี้ผลิตจากบริษัทยาในอินเดีย เกิน 50% ของวัคซีนในโลกนี้ผลิตจาก ‘สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย’ เด็ก 2 ใน 3 ในโลกนี้ต่างก็ได้รับวัคซีนที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียทั้งนั้น

วันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา อินเดียเริ่มปฏิบัติการฉีดวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก! ด้วยวัคซีนจำนวน 300 ล้านโดสกระจายออกไปทั่วประเทศ แต่ก่อนจะมีวัคซีนออกมาได้รวดเร็วและมากมายขนาดนี้ ต้องยกให้กับหัวคิดก้าวหน้าของ ‘ไซรัส พูนนาวัลลา’ เจ้าของฉายา “ราชาวัคซีนแห่งอินเดีย” (Vaccine King of India) และความ ‘ใจถึง’ ของผู้ชายที่ชื่อ ‘อาดาร์ พูนนาวัลลา’ เจ้าของ/CEO ‘สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย’ (Serum Institute of India หรือ SII) บริษัทเอกชนผู้ผลิตวัคซีน ‘Covishield’ แต่เพียงผู้เดียวในอินเดีย!
สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (SII) ส่งอออกวัคซีนไปยัง 140 ประเทศทั่วโลก ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ร่วมผลิตวัคซีนให้กับองค์กรระดับโลกอย่างองค์กรอนามัยโลก(WHO), UNICEF และ มูลนิธิของบิลเกตส์ (Gates Foundation) ไซรัส พูนนาวัลลาใช้หลักการผลิตวัคซีนจำนวนมากเข้าไว้ เพื่อลดต้นทุน และจัดเก็บเป็นสต็อกสำรองไว้แม้ว่าจะยังไม่มีออเดอร์เข้ามาก็ตาม
เพราะเหตุดังกล่าวนี้ถ้าเกิดมีโรคระบาดที่ไหนในโลก ทาง SII จะสามารถส่งสต๊อกวัคซีนได้ทันท่วงที ทุกวันนี้ SII กลายเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว ปัจจุบันนี้ ไซรัส พูนนาวัลลา ได้ให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขา อาดาร์ พูนนาวัลลา ผู้ซึ่งได้รับฉายาใหม่ว่า “เจ้าชายวัคซีนแห่งอินเดีย” (Vaccine Prince of India) มาเป็นผู้ดูแล SII
ปี 2015 อาดาร์เล่าว่า เขาเคยฟัง บิล เกตส์บรรยายใน TED Talks เกี่ยวกับสภาวะโรคร้อน การเปลี่ยนแปลงของโลก อีกทั้งโรคต่างๆ ที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก มนุษย์รุกรานพื้นที่ของสัตว์ เกิดการสัมผัสอันไม่พึงประสงค์ ฯลฯ สงครามนิวเคลียร์ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล แต่โรคระบาดต่างหากที่น่ากลัวกว่า ดังนั้นเมื่อมันเกิดขึ้นเขาจึงไม่แปลกใจนัก แต่แปลกใจตรงที่ว่า โลกส่งสัญญาณบอกเรามานานแล้ว แต่เราก็ยังไม่คิดจะทำอะไรกับมันเลย โรคระบาดแบบนี้ยังไงก็ต้องเกิดอยู่แล้ว – แค่รอเวลาระเบิดออกมาเท่านั้น
เดินเกมได้เร็ว
วันที่ 22 เมษายน 2020 (๒๕๖๓) ในขณะที่ทั่วโลกกำลังชะงักงันกับการระบาดของโควิด-19 อาดาร์กลับเป็นคนแรกที่ตั้งตัวติด เขาออกมาประกาศว่าเขาได้ร่วมลงทุนกับบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) และมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ตในการผลิตวัคซีนชื่อ ‘Covishield’ โควิชิลด์
เพื่อให้มีวัคซีนออกมาในจำนวนมากและทันท่วงที อาดาร์ พูนนาวัลลา เสี่ยงลงทุน $300 ล้านเหรียญฯ เดินเครื่องผลิตโควิชิลด์ล่วงหน้าตั้งแต่มิถุนายน 2020 ตอนนั้นวัคซีนยังอยู่ใน กระบวนการเริ่มต้นทดลองกับมนุษย์อยู่เลย และเขายังไม่สามารถจำหน่ายจ่ายแจกจนกว่าวัคซีนจะได้รับการอนุมัติเสียก่อน ซึ่งอาดาร์มั่นใจว่าวัคซีนจะได้รับการอนุมัติ และถ้าเป็นไปตามนั้น SII จะมีวัคซีนจำนวนมากทันใช้ในเดือนธันวาคมเป็นต้นไป!
แต่ถ้าโควิชีลด์ไม่ได้ผล วัคซีนที่ผลิตรอเอาไว้ก็จะสูญเปล่า เงิน $300 ล้านเหรียญหายวับไปกับตา แต่ถ้าได้ผล สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย จะกลายเป็นเจ้าแรกในโลกที่ผลิตวัคซีนโควิชิลด์ได้ จะเป็นเจ้าเดียวที่มีสต๊อกวัคซีนโควิชิลด์เยอะที่สุดในโลก! และโชคดีที่ผลออกมาเป็นอย่างหลัง คุณภาพของวัคซีนและยานั้นทัดเทียมกับวัคซีนและยาที่ตีตรา Made in Europe หรือ Made in America ได้แน่นอน!”
https://www.facebook.com/permalink.php?id=1493301124286521&story_fbid=2906578319625454