ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบื้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายเพื่อประชาชน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัว หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า ลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา ได้เตรียมว่าจ้างทำหน้าที่ทนายความในคดี น้องชมพู่ เจ้าตัวย้ำเตรียมลงพื้นที่ บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร สัปดาห์หน้าแน่นอน
สัปดาห์หน้าลงไปบ้านกกกอก ทนายคนดัง ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบื้ยบังเกิด ย่ำผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า ในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปที่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร อย่างแน่นอน เพราะได้รับการติดต่อจาก ลุงพล เรื่องคดี น้องชมพู่ เนื่องจากมีข่าวลือว่าตำรวจอาจใช้เครื่องจับเท็จเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ซึ่งตนในฐานะทนายความยืนยันว่าในศาลเครื่องจับเท็จไม่ใช่ตัวเลือกที่ได้ ในการใช้เป็นหลักฐาน เพราะเนื่องจากมีความคลาดเคลื่อนเยอะ

อยากรู้ใครก่อเหตุ ซึ่ง ทนายตั้มยังกล่าวต่อว่าว่า ตนเองก็อยากรู้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุคดีที่น้องชมพู่เสียชีวิต พร้อมกับบอกอีกว่าอ่านจากหลักฐานนิติเวชก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่า น้องชมพู่ จะหลงป่าจนเกิดความสูญเสีย ที่สำคัญไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่มีความระแวงสงสัย ซึ่งเรื่องนี้ ทนายตั้ม บอกว่า นี่อาจจะเป็นการสร้างเหยื่ออีกคนในการใส่ร้ายผู้อื่นว่าเป็นฆาตกรก็เป็นได้ ส่วนหลักฐานในคดีนี้ส่วนตัวมองว่า ไม่มีใครสมคสรได้รับโทษในความผิดที่ไม่ได้ทำ ตนรู้ว่าทุกคนเบื่อกับคดีนี้มาก พร้อมกับย้ำว่าตนจะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ ขอลงพื้นที่จริงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้งว่าจะรับทำคดีหรือไม่

ในเวลาต่อมา ทนายตั้ม ได้โพสต์รูปคู่กับ ทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความที่เคยยื่นมือช่วย ลุงพล ในคดี น้องชมพู่ พร้อมข้อความว่า วันจันทร์ที่จะถึงนี้(25 ม.ค.) ตนนัดกับ ลุงพล ว่าจะเดินทางไปที่บ้านกกกอกเพื่อไปตรวจสอบหลักฐานทั้งพยานแวดล้อม และพยานหลักฐานทั้งหมด การได้พูดคุยกับ ลุงพล ตัวเป็นๆ น่าจะดีกว่าทางโทรศัพท์ ซึ่งตนก็เหมือนกับทุกคนที่มีคำถามอยากจะถาม ลุงพล ว่า ทำไมหลายครั้งให้สัมภาษณ์อกสื่อถึงไม่ตรงกัน

ความกดดันจึงทำให้เกิดความเครียด ทนายตั้ม กล่าวว่า เป็นไปได้ว่าเมื่อได้รับความกดดันจะทำใก้เกิดความเครียดและแสดงออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่ ไม่ใช่ทุกคนที่เก่งต่อหน้ากล้อง ชาวบ้านธรรมดาอยู่ๆ มีกล้องเป็นร้อยตัวส่องทั้งปีที่หน้าบ้าน จะทานข้าว เข้าห้องน้ำ หรือพูดคุยกับลูกเมียก็มีคนสอดส่องตลอดเวลาเหมือนบ้านเอเอฟ ชีวิตแบบนี้ ทนายตั้ม มองว่าเป็นเรื่องไม่ง่าย ขอให้ตนได้พูดคุยและสัมผัสได้ว่า ลุงพล ไม่ได้โกหก หรือหมกเม็ด ตนถึงจะรับทำคดีซึ่งตนมองว่าความจริงใจสำคัญที่สุด
ไม่ปกป้องคนผิด พร้อมกันนี้ ทนายตั้ม ทิ้งท้ายว่า ตนไม่ปกป้องคนผิดแน่นอน แต่ไม่มีใครสมควรรับโทษเกินความผิดที่ทำ คดีที่ได้พูดกันไว้ คือ คดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ที่ ลุงพล ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนเดียว ส่วนเรื่องอื่น ทนายรัชพล จะเป็นผู้ดูแล

แจ้งเอาผิดลุงพล ทางด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางไปที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อแจ้งความเอาผิด ลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา กับพวกในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวน มาตรา14 จากการครอบครองไม้มะค่าแต้หวงห้าม การก่อสร้างวังพญานาคและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ทำให้ป่าสงวนเสื่อมสภาพ
เชื่อตำรวจมีหลักฐานพอ พร้อมกับกล่าวถึงเรื่อง การนำเครื่อมือจับเท็จมาใช้ในคดีนั้น ตนมองว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งเพื่อนำมาประกอบในสำนวนเท่านั้น ส่วนที่ตำรวจตำรวจยังไม่ออกหมายจับใครในคดี น้องชมพู่ นั้น ตนมองว่าตำรวจมีหลักฐานเพียงพอเอาผิดผู้ต้องสงสัยได้แล้ว และหากจะออกหมายจับเวลานี้จริงก็สามารถทำได้ แต่ต้องการทำคดีนี้อย่างรอบคอบจึงจำเป็นต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานทั้งหมดให้ชัดเจนก่อน
เครดิตภาพ : เฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด, ข่าวสด