
จากโครงการคนละครึ่ง ที่ผ่านมาแล้วถึง2เฟส ได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนอย่างดี เนื่องจากประชาชนบอกว่าโครงการนี้ เป็นโครงการที่ดีอีกหนึ่งโครงการ ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนและยังช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ร้านค้าปลีก เพื่อเป็นการช่วยส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศไทย เพราะช่วยให้คนไทยได้กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นในช่วงเวลาวิกฤตอย่างนี้ ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ รวมถึงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวและขาดทุนเป็นจำนวนมากในปีนี้
ที่ปรึกษาประจำของสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ เปิดเผยถึงโพการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยโครงการคนละครึ่งและโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการช็อปดีมีคืน
โดยโพลนี้สำรวจเมื่อวันที่ 14 ถึงวันที่ 23 ธันวาคมหกสามพบว่าในมาตรการคนละครึ่งมีประชาชนเข้าร่วมโครงการแล้วมากถึง 62% และให้คะแนนความพึงพอใจมากที่สุดถึง9คะแนนเต็มจาก 10 ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกันนั้นมีผู้ตอบรับ 28.4% และพึงพอใจ 7.6 คะแนน ขณะที่โครงการช็อปดีมีคืนมีผู้ตอบรับเข้าร่วมโครงการ 9.2% และพึงพอใจให้คะแนน 7.2 คะแนน

แต่เมื่อถามประชาชนว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับใดบ้าง ประชาชนยังคงบอกว่ายังมีคนส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เนื่องจากมาตรการนี้ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกคนในประเทศไทย และประชาชนยังคิดว่า หากรัฐยังคงต่ออายุทั้ง3โครงการนี้ออกไปอีก จะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 64 จะดีขึ้นมากซึ่งเป็นส่วนน้อยที่คิดว่าจะทำให้เศรษฐกิจแย่ลง เพราะมาตราการนี้สามารถทำให้คนใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและวางแผนการใช้จ่ายเอาไว้ได้อย่างง่าย
โดยประชาชนที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันนั้นใช้เงินเฉลี่ยคนละ 13,806 บาท โครงการคนละครึ่งนั้น 3490 บาทและช็อปดีมีคืน 12,170 บาทแต่พอมีข่าว โควิด-19 ระบาดที่สมุทรสาคร อีกครั้งประชาชนส่วนใหญ่มากถึง 55.3% บอกว่าทำให้ใช้จ่ายน้อยลงกว่าแผนที่วางเอาไว้ ส่วนคนที่วางแผนเที่ยวปีใหม่ส่วนใหญ่ 75.9% เริ่มยกเลิกการท่องเที่ยว 8.9% และมีการเที่ยวจังหวัดที่ไม่มีการระบาดอีก 15.2% ส่วนที่ยังไม่ไปเที่ยวไหนเพราะต้องการป้องกันตัวจากโรคโควิดมากขึ้นถึง 46.4% เลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทะเลอีกสาม 17.1% ส่วนกลุ่มที่ยังทานอาหารทะเลเหมือนเดิมแต่จะทำให้สุกอีก 16.5%
ทางอธิบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวว่าอยากให้ทางรัฐใช้มาตรการต่อเพราะการยืนระยะสามมาตรการนี้ออกไปจะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้ได้เพราะรัฐยังไม่สามารถคุมการระบาดที่สมุทรสาครได้ภายในหนึ่งเดือน
หลังจากที่โครงการ “คนละครึ่งเฟส 2” ได้เปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซด์ www.คนละครึ่ง.com เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. โดยเริ่มใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ มกราคม – 31 มีนคม 2564 การลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 2 ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงก็เต็มทั้ง 5 ล้านสิทธิ
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้า“คนละครึ่ง”เฟส 2 ว่า หลังตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งเฟส 2 จำนวน 5 ล้านคนเสร็จสิ้นแล้ว พบว่ามีผู้ได้รับสิทธิ 4.51 ล้านคน และอีกประมาณ 4.9 แสนคน ไม่ผ่านการตรวจสอบข้อมูล โดยได้มีการส่งข้อความเอสเอ็มเอสแจ้งผลการตรวจสอบไปเรียบร้อยแล้ว
“สิทธิที่เหลือจากโครงการคนละครึ่งในเฟสแรกมีจำนวนประมาณ 430,000 คน และโครงการคนละครึ่งระยะที่สองอีก 490,000 คน ซึ่งกระทรวงการคลังจะพิจารณาอีกครั้งหลังจากได้ข้อมูลผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่สองที่ใช้สิทธิไม่ทันภายใน 14 วันว่า จะดำเนินการอย่างไร แต่ขณะนี้ยังระบุไม่ได้ว่าจะเปิดเมื่อใด หรือมีจำนวนเท่าไร ซึ่งต้องรอพิจารณารายละเอียดอีกรอบ ส่วนความคืบหน้าล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 22 ธ.ค.63 มีผู้ใช้สิทธิไปแล้ว 9.56 ล้านคน มียอดการใช้จ่ายสะสม 46,891 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสูงกว่าภาครัฐ”